PRETTY BOY
- fcukingmontage

- 15 ก.ค. 2564
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 7 ก.ย. 2565
Couple : คังแดเนียล x อีอูจิน Hashtag : #วีนีดแดเนียล Note : แต่งในโปรเจค #songsof2bears นะคะ เพลง Pretty Boy ของ M2M
(1)
เสียงกรรไกรดังฉึบฉับอยู่ภายในกลุ่มกลิ่นเครื่องเทศเจือแอมเบอร์ที่ให้ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างกระทาชาย ดวงตาที่หรี่เล็กไล้ไล่ไปตามแนวผมที่ถูกแบ่งประมาณออกมาก่อนจะงับกรรไกรซอยซี่ถี่เข้าไป ชายหนุ่มร่างเล็กในผ้ากันเปื้อนสีเบจกระทำการนั้นซ้ำๆอยู่สลับกับการเลื่อนตัวออกมามองไกลๆ
เขามองอยู่แวบหนึ่งแล้วก็หยิบกระจกบานใหญ่มาส่องให้ลูกค้า
“ข้างหลังโอเคแล้วหรือยังครับ”
“ผมขอซอยให้มันบางกว่านี้ดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มทำหน้านึก โดยไม่ได้ใส่ใจลูกค้าที่เดินออกไปและคนใหม่ที่สวนกลับเข้ามา
“แต่ข้างบนมันจะต้องบางไปด้วยนะครับ เดี๋ยวมันไม่บาลานซ์”
“เอาออกอีกนิดก็ดีครับ”
“โอเคครับ”
มือบางคว้ากรรไกรขึ้นมาจัดการกลุ่มผมสีดำขลับที่หมาดน้ำตามข้อตกลงที่ได้คุยกันเมื่อครู่ เขางับไปงับมาอยู่ซักพัก อยู่ๆเสียงเพลงจากเครื่องเล่นของพี่เจ้าของร้านก็เล่นเพลงที่ทำให้ช่างตัดผมหน้ามนยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
พี่มินฮยอนนี่นะ…เพลงฟ้องอายุมากเหอะ
I lie awake at night
See things in black and white
I’ve only got you inside my mind
You know you have made me blind
ถึงจะคิดอยู่แบบนั้นในครู่แรก แต่พอเมื่อเนื้อเพลงขึ้นท่อนต้น เขาก็อดที่จะฮึมฮัมตามความคุ้นเคยไม่ได้ สัมผัสของทำนองพาลเปลี่ยนบรรยากาศของร้านตัดผมวินเทจให้กลายเป็นโรงเรียนมัธยมขณะช่วงหน้าหนาวที่ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์เริ่มผลิดอกและปล่อยให้ร่วงหล่นในความทรงจำ
และก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ภาพนั้นจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกันกับ…
ชายผู้เป็นดั่งข้อยกเว้นที่ยังยืนซ้อมลีดอยู่ใต้ต้นไม้นั่นเสมอ
“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวชำระได้ที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าเลยนะครับ”
ลูกค้าชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยื่นทิปให้เล็กน้อยก่อนจะลุกออกไป ช่างตัดผมตัวจ้อยก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรตอบไปมากนัก แม้ว่าลูกค้าคนนั้นจะพยายามให้เขาแก้ทรงแล้วแก้ทรงอีกจนแทบจะเตียนติดหนังหัวแค่เพราะเพื่อจะซื้อเวลาเขาไว้ให้นานอีกหน่อยก็เท่านั้น
“อูจิน เดี๋ยวรับลูกค้าใหม่เลย พี่ขอเข้าห้องน้ำแปบนึง”
แต่อีอูจินก็ให้ได้เท่าที่ช่างตัดผมคนหนึ่งจะบริการลูกค้าได้ก็เท่านั้น
ชายหนุ่มที่นั่งคอยคิวอยู่ก็เปลี่ยนที่นั่งจากโซฟาหนังกลับมาเป็นเก้าอี้ตัดผม โดยไม่ทันที่ช่างตัดผมจะมองเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเปลี่ยนใบมีดโกนที่พึ่งไปใช้แล้วทิ้งลงถังขยะ อูจินเพียงสังเกตได้แต่เสื้อสเวตเตอร์สีมัสตาร์ดและหมวกไหมพรมสีเทาเข้มก็เท่านั้น
“สกินเฮดเบอร์ศูนย์ทั้งหัวเลยครับ”
เสียงแห้งนั่นบอกความต้องการของตัวตั้งแต่ยังช่างยังไม่ทันมุดหัวขึ้นมามองหน้าเต็มๆ อูจินหงุดเล็กน้อยขณะคว้ากระป๋องมูสยัดให้เข้าที่ ว่าจะขึ้นมามองให้เต็มตาเสียหน่อยว่าไอ้เจ้าของเสียงแห้งที่เต็มไปด้วยความถือตัวนั่นหน้าตาเป็นอย่างไร
แต่เมื่อกลับขึ้นมาเห็นหน้ากระจก อูจินก็ทำได้แค่มองและปล่อยให้เพลงไหลเข้าหัวนิ่งๆไปครู่ใหญ่
I used to write your name
And put it in a frame
And sometime I think I hear you call
Right from my bedroom wall
“พี่แดเนียล”
เจ้าของชื่อหันมารับ
“ครับ?”
ชายผู้เป็นดั่งข้อยกเว้นคนนั้นกลับมาเต้นลีดในใจของเขาอีกครั้ง
หลังจากสิบสามปีผ่านไป
(2)
อีอูจินตัวแข็งไปพักใหญ่
เมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าเป็นกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์คณะสีฟ้าเป็นโขยงนั่งกระจายอยู่ทั่วทั้งห้องแลปวิทยาศาสตร์ อูจินถูกพี่แทยงเรียกมาช่วยพี่ม.ปลายแต่งหน้าลีดเดอร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขากระดิกตัวแทบไม่ออกอยู่แบบนี้ ถ้าหนึ่งในนั้นไม่ใช่…
คังแดเนียล ม.6/1 เลขประจำตัว 43561
ชอบกินขนมปังปิ้งเนยน้ำตาลกับน้ำแข็งไสบลูเบอร์รี่ไม่ราดนมข้น
“อูจิน คนไหนว่างเข้าไปแต่งเลย เดี๋ยวต้องเตรียมเข้าพาเหรดแล้ว”
และคังแดเนียลยังนั่งหน้าสดอยู่มุมห้อง…คนเดียว
ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบคังแดเนียล และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่ชอบเขา อูจินเป็นหนึ่งในนั้น คังแดเนียลตรงหน้าร้านน้ำแข็งไสภายใต้แว่นสีชาที่กำลังสั่งเมนูของหวานนั้น เสียงพร่าแห้งทำให้อูจินที่กำลังต่ออยู่แถวข้างๆแทบละลายแข่งกับน้ำแข็งในถัง นั่นเป็นครั้งแรกที่อูจินรู้สึกแบบนั้นกับใครซักคน แต่มันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เพราะมันเกิดกับคังแดเนียลซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อูจินกำกระเป๋าแปรงแต่งหน้าที่พี่แทยงให้ไปซักตากไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนก้าวเข้าไปพ่อเทพบุตรสุดดวงใจของเขา อูจินนั่งลงเกร็งๆต่อหน้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งหลับตาเพื่อที่ที่จะให้เขาลงไปจัดการหน้าตาของเขาให้มันเสร็จๆ
มือน้อยที่ที่พึ่งหมาดจากกระดาษเปียกแตะรองพื้นที่กะเอาแล้วว่าเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มที่สุด แม้ว่ามันจะขาวกว่านิดหน่อยแต่ด้วยงบประมาณก็ไม่มีตัวเลือกมากนัก อูจินหายใจติดๆขัดเมื่อต้องเข้าใกล้และไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาออกมาพื้นผิวละเอียดนั่นได้เลย ขนตาแพสั้นพริ้มเพราอยู่กับหนังขอบตาที่เริ่มจะคล้ำขึ้นแล้วนิดหน่อย
โถ…อดหลับอดนอนซ้อมลีดสินะพ่อคุณพ่อขนุนหนัง
อูจินถอยหน้าออกมามองเพื่อเช็คความเรียบร้อยของรองพื้นว่ามันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ทั้งหมดแล้ว แต่เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าควรจะให้แดเนียลทาลิปบาล์มก่อนอื่นใด เพื่อที่ริมฝีปากได้รูปนั่นจะไม่ไปแตกลอกเป็นแผ่นตอนลงลิปทินต์
“พี่แดเนียลครับ ลงลิปมันหน่อยครับ”
อูจินยื่นหลอดบาล์มให้ ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงกรนบางๆ คังแดเนียลป๊อกคาโต๊ะแต่งหน้าไปแล้วทั้งที่ยังเสียบหูฟังกับโทรศัพท์เข้าหู ใจก็ไม่อยากจะปลุกขึ้นมาให้เป็นรำคาญ แต่จะให้ทานี่ให้จริงๆหรอ
อูจินบีบเนื้อบาล์มสีเหลืองใสกลิ่นคาโมมายล์ลงนิ้ว
เขายกนิ้วนั้นแตะลงบนริมฝีปากที่ปล่อยจาการควบคุม
โชคดีที่แดเนียลไม่ใช่คนนอนอ้าปาก เขาพยายามไล่นิ้วแตะบาล์มที่กึ่งจะเป็นน้ำมันลงไปด้วยอาการแทบหยุดหายใจ สัมผัสแรกกับความหยุ่นของริมฝีปากนั่น พี่แทยงเคยพูดให้ฟังตั้งแต่แรกที่ชวนเขามาว่า แดเนียลแต่งหน้าไม่เป็น ให้ระวังตอนกรีดอายไลน์เนอร์ด้วย แต่ถ้าแต่งหน้าไม่เป็น แล้วไอ้ชมพูระเรื่อไม่ต่างกับเยลลี่กัมมี่รสสตรอเบอร์รี่นี่มาจากไหนกัน
“หวานดีนะ”
“หือ?”
อูจินสะดุ้งเหมือนเจอผี เมื่อแดเนียลขยับปากพูดทั้งที่นิ้วของเขายังคาอยู่ที่ริมฝีปากนั้น คงจะเป็นเพราะอูจินดันทะลึ่งบ้องใจลอยทาบาล์มลึกไปถึงริมฝีปากด้านในจนแทบจะเปียกน้ำลายของอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว
“ลิปบาล์มหน่ะ หวานดี”
“ครับ กลิ่นคาโมมายล์หลอดละ85บาทเซเว่นไม่มีขายนะครับมีแต่ที่วัตสัน”
อูจินเผลอพูดอะไรก็ไม่รู้ออกไปจนอยากตีปากตัวเอง แดเนียลยกยิ้มเล็กน้อยแล้วก็หลับตาลงไปอีกครั้ง
อูจินใจเต้นไม่เป็นส่ำจนอยากจะหนีจากที่ตรงนี้ ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากทนแล้ว ใครที่บอกว่าถ้าได้อยู่ใกล้คนที่ชอบมากๆจะมีความสุขไง ไหนใครพูดจะเอารองเท้าตีปากซักที เขาพยายามลงทุกขั้นตอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็ห้ามให้หน้าของแดเนียลต่างจากคนอื่นๆมากเกินไปนัก ฮือ ยากจังเลย
อูจินกลั้นหายใจจนจะขาดลมตาย จนแล้วจนรอด
โลกนี้ควรจะเปลี่ยนคำว่า สมบูรณ์แบบ ในพจนานุกรมให้กลายเป็น คังแดเนียล แทน
โชคดีที่แดเนียลเป็นคนไม่ยุกไม่ยิกไปมา เพียงแต่น่าตบขึ้นนิดหน่อยตรงที่อยู่ๆก็ยิ้ม อยู่ดีๆก็หัวเราะกรุ่มกริ่มในลำคอขึ้นมา และที่ชั่วที่สุดคือสายตากะลิ้มกะเหลี่ยนั่นอีก ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพ่อแม่โขกให้มาแบบนี้เลยหรือสิ่งแวดล้อมพึ่งมาสอนให้ทำอะไรแบบนี้
“พี่แฮชาน หน้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวมาทำผมต่อเลยเน้อ”
“อูจิน เดี๋ยวช่วยพี่โม่ผมแดนไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปทำให้ต่อ หัวอิจอนนี่ยากจริง”
“อ้าวมาแขวะอะไรกู”
“นั่งเงียบๆไปเหอะมึงอ่ะ ดัดจริตจะติดแฮร์พีซ อิดอก ผมมีเท่าหมอยหมาเนี่ย”
ชิบหาย
อูจินคอตกหมุนกลับไปหาเด็กหนุ่มรุ่นพี่คนดีคนเดิมที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่
“พี่…เดี๋ยวผมช่วยทำผมให้ก่อน พี่แฮชานจะมาทำต่อให้”
“อื้อ ก็เอาสิ”
“แต่ผมทำไม่เก่งนะ พี่จะลอง…”
“เราทำเลย พี่ไม่รู้บรีฟจากพวกสาวๆเหมือนกัน”
อูจินได้รับคำตอบนั้นพร้อมดวงตาคมด้วยอายไลน์เนอร์ดินสอสีน้ำตาล รอยยิ้มที่เคลือบลิปกลอสสีเชอร์รี่บอมบ์หยุดเขาไว้ชะงัก ความรู้สึกเหมือนลอยจนเท้าไม่ติดพื้นนี่คืออะไร เขาโดนป้ายยาหรือเปล่า
“ได้ครับ”
อูจินหยิบไดร์มาเป่าลมอ่อนๆ เส้นผมสีดำไฮไลท์สีช็อกโกแลตที่น่าจะไปทำมาเมื่อไม่นานมานี้ลู่พลิ้วไปตามแรงลม เขาใช้ลมอุ่นเพื่อเป่าให้วอลลุ่มเฉยๆเท่านั้น ก็คิดแค่ว่าเอาแวกซ์ลงให้ผมเปิดหน้าผากขึ้นเล็กน้อยก็น่าจะพอแล้ว
เขาไม่อยากเปลี่ยนอะไรให้คังแดเนียลมากมายเลย
เขาที่เป็นเขานั่นแหละ…ดีที่สุดแล้ว
“ใช้พอมเมดไปเลยดีกว่าครับ”
“หือครับ?”
เสียงพร่าดังขึ้นแนะนำอูจินที่กำลังจะเกลี่ยเนื้อแวกซ์ลงบนผม คนเด็กกว่าเบรกมือทันที
“ใช้แวกซ์เดี๋ยวตอนเต้น ผมพี่ก็เด้งออกหมด”
“พอมเมดคือกระปุกไหนอะครับ”
“สีเขียวครับ ของพี่เอง กลิ่นมินต์”
“เนื้อเหนียวจังนะครับ”
“มันจะข้นกว่าแวกซ์ เอาไว้ปาดผมขึ้นให้มันเงา อยู่ทน เคยลองใช้ป้ะ”
“ผมทรงนักเรียนจะปาดอะไรได้ละพี่”
“เดี๋ยวลองให้ดู”
แดเนียลคว้าเจ้ากระปุกเหล็กที่แปะสติกเกอร์เขียวมะกอกมาจากมือเล็ก แล้วก็ปาดเนื้อพอมเมดสีมรกตขึ้นมาเกลี่ยลงบนผมคนตัวเล็กกว่า กลิ่นมินต์อ่อนๆทำให้อูจินหลับตาลง สูดมันเข้าไปจนเต็มเฮือก จนลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ามนของอีกคนอยู่ใกล้แค่คืบ
แดเนียลกำลังแต่งผมให้อูจิน ความพิถีพิถันทำให้เขาเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไง โคตรหล่อ”
“รีบเซตเถอะพี่ เดี๋ยวใกล้เวลาพาเหรดแล้ว”
อูจินรีบบอกปัดไปเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ไม่ใช่หรอก ความจริงคือความเขินทั้งหมดที่มีมากระจุกอยู่ที่แก้มแล้วแน่ๆ อูจินรู้สึกได้แบบนั้น
อีตาบ้า
มือเล็กไล่เกลี่ยเนื้อพอมเมดไปตามเส้นผมของคนที่นั่งหันหลังให้ อูจินจับจ้องไปที่เรือนผมนั้นซึ่งประกอบเข้ากับเข้ากับเค้าหน้าอ่อนโยนและซุกซนนั้น ทรงผมที่ปาดตั้งขึ้นทำให้รังสีทำลายล้างสาดส่องหัวใจของเขาจนไหม้มอดไปทั้งหมด
ขอถอนคำพูดแล้วกันว่า…ที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้ว
เพราะตอนนี้มันดีมาก แบบมากมากจริงๆ
(3)
ม.6/1 เลขประจำตัว 43561
ชอบกินขนมปังปิ้งเนยน้ำตาลกับน้ำแข็งไสบลูเบอร์รี่ไม่ราดนมข้น
และเป็นเชียร์ลีดเดอร์สีฟ้า
อูจินต่อประโยคข้อมูลเพิ่มเติมที่ถูกฝังมาในหัวตั้งแต่สมัยมัธยมอยู่ในใจ อีกฝ่ายมองค้างรอคำตอบแต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับไปจากคนตัวเล็ก
“เราเรียนราชศิษย์รึเปล่า”
“ครับ ผมจบราชศิษย์ 118”
“งั้นก็คงเป็นน้องพี่ตอนคุมแสตน”
“ก็คงงั้น…มั้งครับ”
“สกินเฮดใช่มั้ยครับ เดี๋ยวรบกวนพี่ช่วยถอดหมวกด้วยนะครับ”
อูจินรีบเปลี่ยนเรื่อง ส่วนหนึ่งเพราะเขาอยู่ในหน้าที่ที่ต้องทำงานเป็นช่างตัดผมและพี่แดเนียลก็เป็นลูกค้า อีอูจินในวัย 27 จะมามัวทำตัวเล็กเป็นเด็กวัยหัวนมพึ่งแตกพานไม่ได้…ถึงแม้ว่าตั้งแต่เห็นหน้าคังแดเนียล เขาจะรู้สึกท่วมท้นขนาดนั้นเลยก็ตาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอีกส่วนใหญ่ที่เหลือก็คือ…พี่แดเนียลไม่สามารถจำเขาได้จริงๆ
พี่ครับ…เด็กม.1 ต่างหากที่ขึ้นแสตน
ตอนนั้นผมอยู่ ม.2
แดเนียลค่อยๆถอดหมวกไหมพรมออกด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก และอูจินก็ได้เห็นที่มาของความไม่มั่นใจนั้น
“ไถออกให้หมดเลยนะ”
“เวลาผ่านไปนานจริงๆนะครับ”
เสียงพูดกลัวหัวเราะแห้งๆทั้งที่อีอูจินแทบหายใจได้ลำบากเมื่อเห็นแววตาของอีกคนที่มองเข้าไปในกระจก
กระจกที่สะท้อนภาพของตัวพี่แดเนียลเองอยู่ แววตาของความหม่นหมองลงเมื่อเห็นตีนผมเลื่อนไปอยู่ค่อนกลางกระหม่อม ที่อยู่ข้างหน้าก็มีเพียงกลุ่มผมเล็กๆน้อยๆกระจายกันอยู่ ช่วงข้างหลังและข้างที่เหลืออยู่ก็เป็นรองทรงถูกปล่อยมาไว้นานซักระยะหนึ่ง
อูจินกลืนน้ำลายก่อนจะถามออกไป
“พี่แพ้อะไรหรือเปล่าครับ”
“คิดว่าเป็นกรรมพันธุ์นะ”
“ตอนนั้นที่ผมทำผมให้พี่…ผมชอบผมพี่มากเลยนะครับ”
“เราเคยทำผมให้พี่ด้วยหรอ”
“กีฬาสีปีสี่แปด พี่เป็นเชียร์ลีดเดอร์สีฟ้า”
อูจินเผลอตอบห้วนๆไปเพราะความน้อยใจบางอย่างมันทะลักเกินจะอดทนไหว แดเนียลทำหน้าคิด
“พอคุ้นๆ อ่าฮะ!…น้องที่เอานิ้วเข้าปากพี่ใช่มั้ย”
“ทาลิปบาล์มครับ ผมแค่ทาลิปบาล์ม”
“นานแล้วเหมือนกันนะ…ที่พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว”
“…”
“บอกใครก็ไม่มีคนเชื่อแล้วหล่ะว่า…ตอนนั้นพี่เคยเป็นลีดมาก่อน”
แดเนียลพูดทั้งที่ยิ้มเจื่อน อูจินพอจะเข้าใจว่าถ้าเขาไม่เคยรู้จักพี่แดเนียลมากก่อนก็คงไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอตที่มีแต่สาวทั้งที่เป็นสาวจริงๆและสาวที่ออกสาวมารุมขอถ่ายรูป ให้ดอกไม้ช็อกโกแลตและเป็นคนตีลังกาห้าตลบพาให้สีฟ้าคว้าถ้วยผู้นำเชียร์ยอมเยี่ยมในปีนั้น แต่สำหรับคังแดเนียลของอูจิน…ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย
แค่วันนั้นเป็นชุดขาวฟ้าน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นเสื้อเหลืองมัสตาร์ด
“พี่ครับ ผมถามในฐานะน้องนะพี่”
“…”
“พี่อยากตัดสกินเฮดจริงๆ…หรือแค่ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง”
“ถ้าให้ตอบตรงๆก็ อย่างหลัง”
ดูเหมือนแดเนียลจะเก็บอะไรไว้ในใจมากพอสมควร อูจินแค่สังเกตจากสายตา
สิ่งที่คิดได้ทันทีเลยคือเขาไม่อยากเห็นสายตาที่กรุ่นไปด้วยความผิดหวังในตัวเองแบบนั้น คังแดเนียลที่เขารู้จักเป็นคนที่มั่นใจ อบอุ่น ใจดีและส่งพลังบวกให้คนรอบข้างเสมอ เราทั้งเขาเองในเวลานั้นด้วย นั่นคือสิ่งที่แตกต่างไปอย่างชัดเจนสำหรับคังแดเนียลในตอนนี้
และเขาคิดว่าจะแก้มันได้ด้วยสิ่งที่แดเนียลเคยให้เขาตั้งแต่วันนั้น
“ถ้าผมจะลองตัดวิกให้พี่… จะอยากลองมั้ยครับ”
“ไม่รู้สิ…วิกมันจะหลอกหรือเปล่า”
“ผมเคยฝึกตอนเรียนกับช่างที่อังกฤษ”
ถัดจากคังแดเนียลที่ให้ชีวิตกับเขา สถานีต่อไปก็คือแมนเชสเตอร์ที่อังกฤษ อูจินเริ่มเส้นทางการเป็นช่างทำผมที่นั่น ตั้งแต่เป็นลูกไล่เขาแล้วค่อยๆไต่และต่อยอดขึ้นมาเป็นลำดับ จนวันที่เขาได้ขึ้นเป็นช่างในบาร์เบอร์ร้านเล็กๆในอังกฤษ และวันหนึ่งเขาก็บินกลับไทยมาทำร้านกับพี่มินฮยอน
ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะพอมเมดกลิ่นมินต์ของคังแดเนียลในวันนั้น
“ถ้าไม่รอด…พี่ตัดฟรีเลย”
“จริงนะ”
“แน่นอนครับ”
อูจินยิ้มตอบให้แดเนียลมั่นใจ แดเนียลหันกลับไปทั้งที่สายตายังคงค้างความไม่มั่นใจ
“รองทรงต่ำเบอร์สอง ข้างบนปาดปอมปาดัวร์…ให้เหมือนวันนั้นเลยนะครับ”
แดเนียลพยักหน้ารับโดยไม่หืออืออะไร อูจินสูดหายใจเข้าเต็มปอด
พัฟแป้งขนนุ่มฟูแตะลงไปตามช่วงลำคอ เค้าสันกราม จอนและขมับ ไปจนถึงลานหน้าผาก แดเนียลยังไม่ปล่อยตัวเองลงจากความกดดันภายใน สังเกตได้จากอาการนั่งหลังแข็ง เท้าชิดเก้าอี้ อูจินจึงขอแกล้งไอ้คนขี้กลัวซักหน่อย
พัฟแป้งแตะลงตรงกลางจมูกของไอ้ยักษ์
“เลิกเกร็งได้แล้วครับ มาทีนี่แล้วไม่สบายเดี๋ยวผมโดยบอสหักเงิน” แดเนียลปล่อยตัวออกเล็กน้อย อูจินลงไปกระซิบข้างหูเสียงกระเส่า “ปลดปล่อยร่างกายตามธรรมชาติเถอะ แล้วให้ผมบริการพี่นะ”
“ขนลุกเลยนะตะกี้อ่ะ”
“ลุกเหมือนกันพี่555555”
ต้องให้บอกมั้ยว่าอะไรลุก
อูจินยิ้มทะเล้นออกมาพร้อมกับแดเนียล แผนการได้ผล แดเนียลวางท่าทีสบายขึ้น เขาเอนตัวลงกับเก้าอี้เต็มพนัก อูจินดีใจที่มันเป็นแบบนั้น เพราะเมื่อกี้ที่สุ่มเสี่ยงลองเล่นออกไป ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่าข้างในมันโครมครามขนาดไหน
กระบวนการเริ่มต้นขึ้นที่บัตตาเลียนไถตามเศษกระจุกผมด้านบนออกให้หมด จนเหลือแค่ส่วนหลังและข้างไว้สำหรับรองผมด้านบน เมื่อเห็นภาพในกระจก ความคิดชั่วร้ายก็เกิดขึ้นมาแบบเลี่ยงไม่ได้ ขุนช้างชัดๆ อูจินพยายามกลั้นขำ
บัตตาเลียนรองหวียังคงเดินเครื่องต่อ ผมรากไทรสั้นถูกเก็บให้สั้นเรียบร้อยทั้งด้านหลังและด้านข้าง
สิ่งที่อูจินพยายามกำลังจะทำทั้งหมดแทบจะไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากการเรียกคืนความทรงจำของเขาและแดเนียลที่มีร่วมกันคืนมา ความทรงจำสีหวานในห้องแต่งตัวเชียร์ลีดเดอร์วันนั้น ในวันที่เรายังเต็มไปด้วยพลังแห่งวัยเยาว์และความฟุ้งฝันแบบเทพนิยายของเด็ก ๆ โพสิชันในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างกัน เหมือนพวกเขากลับกลายเป็นเด็กน้อยกับเด็กชายคนนั้น…อีกครั้ง
และที่สำคัญแบบหาสิ่งใดมาเทียบก็ไม่ได้คือความทรงจำของแดเนียลกับคนในกระจก รอยยิ้มของแดเนียลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้…อย่างน้อยก็ในโลกใบน้อยของอูจิน
หลังจากทริมผมเรียบร้อยแล้ว ดินสอเนื้อครีมสีน้ำตาลก็ปาดลงบนลานกระหม่อม เพื่อกะระยะและขนาดของวิกทอที่เขาต้องตัดแต่งให้พอเหมาะและทำมาเฉพาะบุคคล เป็นวิกสำหรับคังแดเนียลคนเดียวเท่านั้น แผ่นพลาสติกถูกทาบลงบนระยะที่เขากะไว้บนหัวของแดเนียล อูจินวาดๆขีดๆอยู่ซักพักก่อนจะหายไปหลังร้านพร้อมแผ่นพลาสติกในมือ
อูจินกลับมาพร้อมกับวิกผมทอมือสั้นสีดำประกายน้ำตาลช็อกโกแลต เขาใช้เวลาหามันครู่เดียวเท่านั้น เพราะวิกทอมือชิ้นนี้ถูกซ่อนไว้ด้านในสุดของชั้นเก็บวิกโดยมือของอูจินเอง เขาเห็นมันตั้งอยู่ในร้านเมื่อหลายปีก่อน คังแดเนียลคือคนที่สวมทับลงในวิกนั้นได้พอดี วิกเจ้ากรรมก็เลยได้ย้ายตำแหน่งไปอยู่ในที่ที่ค้นเจอยากที่สุดในชั้นนั้น มีแต่เพียงเขาที่รู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหน
แล้วอย่าบอกใครนะว่าแอบหยิบมันมาจับเล่นบ่อยมาก
ก็ออกจะเห็นแก่ตัวไปซักหน่อยที่จะไม่มีวันยอมให้ใครได้ใช้วิกสีนี้ ประกายแบบนี้ ความเงาปริมาณเท่านี้ นอกจากคังแดเนียลคนเดียวเท่านั้น ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะมีวันนั้นหรอก…แต่เขาไม่ใช่หมอดูซักหน่อยนี่
อูจินทาน้ำยาติดวิกลงไปพอประมาณทั้งบนหนังศีรษะของแดเนียลและตาข่ายวิก สองมือน้อยค่อยๆทาบและกดกลุ่มเส้นผมให้แนบติดไปกับผิวหนังแบบไร้รอยต่อที่สุด อูจินกลั้นหายใจ ตาจ้องเขม็งไปหัตถกรรมที่กำลังทำอยู่ ความพิถีพิถันทำให้เขาเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ไม่ต่างจากคังแดเนียลที่อยู่ในภาวะแทบหยุดหายใจ
วิกผมจากผมจริงติดลงไปแนบแน่นกับหนังศีรษะ
“โอ้ย!!”
“โอ้ยอะไรพี่ ไม่ใช่ผมจริงพี่ซักหน่อย”
น่าจะเป็นกระชากผมที่พึ่งติดไปกับหัวของคนโตกว่าแบบไม่บอกกล่าวก่อน ทำให้แดเนียลถึงกับร้องเสียงหลง ซ้ำเจ้าตัวเล็กยังดึงวิกโยกไปโยกมาจนอีกคนหัวแทบคลอน
อูจินขำ
“คอ…คอพี่ พี่แก่แล้ว สงสารข้อกระดูกพี่หน่อย”
“ผมแค่เทสวิกเองพี่ เผื่อมันไม่แน่น”
“แน่นแล้วครับน้องครับ”
แดเนียลพูดโดยไม่ได้หันมาแต่อูจินก็เห็นสีหน้าอมสุขของเจ้าตัวได้ผ่านกระจกอยู่ดี ผมทอที่ยาวปิดหูยังเปียกหมาดไม่ได้รูปได้ทรง แต่แค่นั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเต็มตื้นบางอย่างในดวงตาของแดเนียล
ซึ่งแม้แต่เวลาแสนหวานในความทรงจำ…อูจินก็ไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ช่างตัดผมในวัย 27 ปีเริ่มตัดผมวิกส่วนเกินให้เข้าทรงและไม่ดูเป็นมนุษย์โฮมเลสอย่างที่เป็นอยู่ เนื้อกรรไกรเหล็กวาววับตับฉับลงกลุ่มผมแล้วเล่า ตามด้วยกรรไกรซอยสไลด์ผมให้เข้าที่
อูจินขมักเขม้นเป็นพิเศษ เพราะเอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้หยิบกรรไกรเซตนี้มาใช้นานมากแล้ว ไม่บ่อยหรอกที่จะมีคนมาตัดวิกที่ร้าน นอกเสียจากลูกค้าคนนั้นจะรู้ว่าร้านนี้มีช่างที่สามารถตัดแต่งวิกให้ได้หรือไม่ก็ในกรณีนี้…ที่เป็นลูกค้าคนพิเศษที่ช่างเป็นคนเสนอให้
ไม่นานทรงผมในความคิดก็เริ่มปรากฏชัดขึ้น สายตาของแดเนียลจับจ้องไปที่กระจกบานใหญ่ไม่วางตา อูจินคว้าไดร์เป่าผมมาเป่าเศษผมด้วยเกินตามช่วงลำคอและกรอบหน้าออกตามด้วยเป่าสร้างวอลลุ่มให้วิกผมที่พึ่งติดไป
“มันใช้ไดร์เป่าได้ด้วยหรอ”
“ครับ ผมใช้วิกผมแท้ให้พี่เลยครับ พี่จะได้ดูแลง่ายๆ”
ไดร์เป่าลมอ่อนๆ เส้นผมสีดำไฮไลท์สีช็อกโกแลตที่พึ่งเสริมเข้าไปมาไม่นานลู่พลิ้วไปตามแรงลม เขาใช้ลมอุ่นเพื่อเป่าให้วอลลุ่มเฉยๆเท่านั้น อูจินละสายตาจากกลุ่มผมไปที่กระจกแล้วก็หลุดยิ้มออกมาจนได้
คังแดเนียลไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆนะ
เขาที่เป็นเขานั่นแหละ…ดีที่สุดแล้วจริงๆด้วย
อูจินคว้าเจ้ากระปุกเหล็กที่แปะสติกเกอร์เขียวมะกอกมาจากชั้นวาง ขยับเลื่อนตัวเองไปยืนอยู่ตรงหน้าอีกคน แล้วก็ปาดเนื้อพอมเมดสีมรกตขึ้นมาเกลี่ยลงบนผมคนตัวโตกว่า กลิ่นมินต์อ่อนๆทำให้แดเนียลหลับตาลง สูดมันเข้าไปจนเต็มเฮือก จนลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ามนของอีกคนอยู่ใกล้แค่คืบ
อูจินกำลังแต่งผมให้แดเนียล ด้วยพอมเมดที่ทั้งสองคนคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
“ที่ร้านใช้พอมเมดกลิ่นนี้ด้วยหรอครับ”
“ของผมเองครับพี่ กลิ่นมินต์อ่อนๆ หอมดีมั้ยครับ”
“พี่ก็เคยใช้นะ ยี่ห้อนี้แต่กระปุกไม่ใช่แบบนี้”
“ผมรู้ครับว่าพี่เคยใช้ เลยหยิบของตัวเองมาให้”
“ผมจำได้มาตลอดแหละ ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อด้วย”
อูจินเริ่มใช้พอมเมดกลิ่นนี้ตั้งแต่เริ่มไว้ผมยาวได้และไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อเลย
“ความจำดีนะเรา”
“เรื่องไหนผมอยากจำ…ก็จำได้หมดแหละครับ”
“เสร็จละครับ”
อูจินผละมือออกจากกอผมที่ที่ถูกจับไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะเลื่อนตัวออกจากหน้ากระจก เผยให้เห็นผลงานที่ถูกปั้นด้วยความตั้งใจของช่างตัดผมตัวเล็กคนหนึ่งที่จะมีให้กับลูกค้าได้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งหมดเกิดขึ้นจากเด็กชายคนหนึ่งที่ทำเพื่อพี่ชายตัวโตของเขา เพื่อรอยยิ้มของเขา เพื่อเรียกคืนความทรงจำและย้ำเตือนถึงวัยเยาว์ที่สวยงามอีกครั้ง
แดเนียลตาโตกับภาพสะท้อนตนเองในกระจก ชายหนุ่มวัย 31 เลื่อนตัวเข้าไปหากระจกพลางจับๆแตะๆกับไรผมที่ถูกซ่อนจนเนียนสนิท รอยต่อระหว่างผมมีให้สัมผัสรู้สึกได้บ้าง แต่ก็ยากมากหากมองด้วยตาในระยะคนคุยกัน
“เฮ้ย…ทำได้จริงด้วยว่ะน้อง เก่งอ่ะ”
อูจินมองเด็กชายแดเนียลที่กำลังตื่นตะลึงด้วยอารมณ์อิ่มสุข หัวใจของพองโตจนแทบจะหลุดมาอีกครั้ง แทบไม่ต่างจากภาพในกระจกเมื่อสิบสามปีก่อน…เพียงแต่ในวันนี้เขาเติบโตขึ้น แดเนียลเองก็เติบโตขึ้นมากเช่นกัน
แต่เราก็ซ่อนความเป็นเด็กของเราไว้ไม่มิด
“พี่ขอกอดเราที่นึงได้มั้ย”
“ครับ”
เมื่อไม่ได้ปฎิเสธ ชายหนุ่มในเสื้อเหลืองมัสตาร์ดก็ลุกขึ้นกอดช่างตัดผมตัวเล็กจนจมอก
อูจินน้ำตาแทบไหล ไม่ใช่ประทับใจหรือตื้นตันอะไรแบบนั้น ไม่ใช่เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่รอมาตลอด ในทางกลับกันอูจินไม่เคยรอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะคิดว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้นจริง คังแดเนียล ม.6/1 คนนั้นมีตัวเลือกมากมายที่ดีกว่าเขา สาวๆจากโรงเรียนหญิงล้วนมากมายรุมเข้ามาจีบ จำนวนเพื่อนใน Hi5 ก็ยืนยันสิ่งนี้ได้ ไม่มีทางเลย ไม่มีทาง
แต่วันนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงก็ไม่รู้
ผู้ชายที่เขาแทบทูนไว้บนหิ้ง เป็นคนในฝันที่ไม่คิดว่าวันนึงจะได้สัมผัสจริงๆ ใกล้ที่สุดที่เคยทำได้ก็คือวันกีฬาที่ฝังใจเขามาจนโตป่านนี้และเขาและพี่แดเนียลก็ไม่ได้คิดจะแสดงความรู้จักอะไรกันอีก จนกระทั่งวันที่เขาจบการศึกษาระดับมัธยมไป เขาแทบจะหายไปจากชีวิตของอูจินอย่างสมบูรณ์ เหลือไว้เพียงร่องรอยจางๆในความทรงจำที่ทำได้แค่คิดถึง
แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว
คังแดเนียล ม.6/1 เลขประจำตัว 43561
ชอบกินขนมปังปิ้งเนยน้ำตาลกับน้ำแข็งไสบลูเบอร์รี่ไม่ราดนมข้น
กำลังกอด
อีอูจิน ม.2/4 เลขประจำตัว 46281 ที่ไม่ชอบอะไรเลยนอกจากพี่แดเนียล
แดเนียลผละอ้อมกอดจากคนตัวเล็ก
“ขอบคุณมากนะ น้อง…”
“อูจินครับ อี อู จิน”
“อูจินจะเลิกงานยัง เผื่อว่าจะไปหาอะไรกินกัน”
อูจินดูนาฬิกาข้อมือ
“อีกสามชั่วโมงครับ”
“งั้นขอไลน์ไว้ได้มั้ย เดี๋ยวพี่ทักมา”
อูจินเขียนไอดีไลน์ใส่กระดาษโน้ตแล้วส่งให้ เขาพึ่งสังเกตเหมือนกันว่านี่เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว ทำให้รู้สึกคิดถึงร้านราเมงที่ไม่ได้ชอบกินแต่ต้องไปกินทุกวันขึ้นมาตงิดๆ
“ผมอยากกลับไปกินแถวราชศิษย์…ได้มั้ยครับ”
“ร้านไหนหล่ะ”
“ราเมงน้ำดำ…ที่พี่ไปกินหลังเตะบอลทุกวันอะครับ”
“เอาสิ”
ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ลานไทรจะเริ่มผลิดอกสีชมพูระเรื่อพร้อมเทศกาลเปิดเทอมปลาย ต้อนรับเด็กนักเรียนในเสื้อกันหนาวหลากสีสันกลับเข้ามาเพิ่มพลังแห่งความเยาว์วัยให้เคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่บางปีก็ไม่เป็นแบบนั้นเนื่องด้วยสภาพอากาศหรืออะไรก็ตาม
แต่เหมือนปีนี้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์กำลังจะร่วงจากต้นอีกครั้ง
ภายในใจของอีอูจิน
FIN
เลทไปหลายวันเรยอ่ะ 5555555555555555555 เขาปิดโปรเจคกันไปหมดแร้วโว้ย แต่เจียดเวลามาแต่งได้เร็วสุดแค่นี้จริงๆค่ะ ช่วงนี้มรสุมรุมเร้ามาก พยายามหาเพลงในโปรเจคที่ยังไม่มีใครแต่งเนอะ ไม่อยากให้คนที่เสนอเพลงเข้ามาแบบน้อยใจ เพลงชั้นไม่ดีตรงไหน ไม่มีใครแต่ง แล้วนี่ก็งงมากว่าเพลงนี้หลุดรอดสายตาไปได้ยังไง M2M คือไอค่อนของเพลงรักวัยรุ่น 90s เลย ก็เลยหยิบ Pretty Boy มาตีความให้เป็นอารมณ์ Nostalgia หน่อย และการกลับมาเจอกันอีกครั้งในรูปแบบที่เปลี่ยนไปของพี่กับน้องด้วยค่ะ อยากปิดโปรเจคแบบหวานๆมั่ง55555555 ขอทิ้งท้ายถึงโปรเจคนี้หน่อยนะคะ ไหนก็พยายามร่วมมาตลอด55555 ขอบคุณทุกคนที่ริเริ่มโปรเจคนี้และไรเตอร์ทุกคนทำต่อมาด้วยกันนะคะ สนุกมากๆค่ะ ทำให้ได้อ่านฟิคบรรยายแดจินหลากหลายแบบมากจริงๆ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ที่ไม่ทิ้งเรือไปไหน //ก้มกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ไว้มีโปรเจคหน้ามาจอยกันอีกนะคะ ถ้าชอบฝากกดหัวใจและคอมเมนท์ไว้ด้วยนะคะ หรือไปคุยกันต่อที่ #วีนีดแดเนียล ก็ได้ค่ะ แล้วอย่าลืมติดแท็ก #songsof2bears นะคะ รัก



ความคิดเห็น