Cognac | LIQUEUR SERIES
- fcukingmontage
- 17 ก.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 7 ก.ย. 2565
COUPLE: ฮวังมินฮยอน x ควอนฮยอนบิน HASHTAG: #ฟิคตรวจตั๋ว
South of the border, down Mexico way
That’s where I fell in love,
when the stars above came out to play
โทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงสุ่มเพลงเซาท์ออฟเดอะบอเดอร์ของแฟรงค์ สินาตรา ขึ้นมาอีกครั้ง ลมหายใจแผ่วถอนและผ่อนไปตามจังหวะเพลง ควันขมปร่าสูดเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมา ตามด้วยน้ำหมักข้าวสีอำพันก้นกระป๋องที่ร่างโปร่งบนเตียงกระดกแล้วก็โยนมันทิ้งไป
สายตาคมมองไปยังร่างสูงที่ยังคงมองจ้องมาที่เขา สองสายตาประสานกันอยู่แวบหนึ่งก่อนจะที่ไปตามเนื้อนวลที่บัดนี้มีรอยจ้ำสีกุหลาบอยู่ประปราย สัมผัสใต้ผ้าห่มเข้ามากอดรัดเขาอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงเจ้าหนูอุ่นร้อนที่กำลังขึ้นขืนอีกครั้งกดแนบอยู่ที่ต้นขา
“ยังไหวอยู่อีกหรอ”
“ก็อย่ายั่วดิ”
“ยั่วตรงไหน แค่ดูดบุหรี่”
“ทำอะไรก็ยั่วหมดแหละ”
มือบางจรดมวนยาสูบลงกับกระเบื้องถ้วยเล็ก ก่อนจะปล่อยให้อีกคนที่ขึ้นครอบครองร่างกายของเขาให้อยู่ใต้อาณัติและจรดริมฝีปากอุ่นเข้ามาได้โดยดี
Then she sighed as she whispered, “manana”
Never dreaming that we were parting
And I lied as a whispered, “manana”
‘Cause our tomorrow never came
ฮยอนบินไม่ได้อารมณ์ร่วมกับกิจกรรมครั้งนี้เท่าไรนัก เอาเข้าจริงเสียงของแฟรงก์ยังยั่วยวนเขามากกว่าร่างตรงหน้าเสียอีก แต่ก็มีบ้างบางจังหวะที่เขาเองก็หวามไหวกับท่วงทำนองของคนข้างบนจนเผลอส่งเสียงออกมาบ้าง แต่มันก็เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อตอนสองทุ่มกับตอนตีสามแบบนี้หน่ะหนะ
ผมควรจะชินกับแรงของฮวังมินฮยอนได้หรือยังครับ
แต่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ เพราะก็ไม่เคยใจแข็งฝืนเขาได้สักที
เรียกว่าคงชินได้แล้วแหละ เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน ถ้าจะนับกันเป็นตัวเลขเอาจริงจังกันสักหน่อยก็ต้องบอกว่า ถ้าเขาเป็นผู้หญิงและไม่ป้องกันคงมีลูกเท่านิ้วมือทศกัณฐ์ไปแล้ว
มันเป็นเรื่องย้อนแย้งเหมือนกันนะ ถ้าไพล่นึกถึงสัมผัสครั้งแรกเมื่อช่วงวัยหัวนมพึ่งแตกพาน ในวันที่เรายังเก้อเขินกันไม่ประสีประสาอะไรเลย วันนั้นมินฮยอนซื้อถุงยางมาผิดไซส์ด้วยซ้ำ กว่าจะรูดลงไปได้ก็เกือบหมดอารมณ์ แต่ดีที่วัยรุ่นช่วงต้นฮอร์โมนมันพัดแรง การเข้าไปอยู่ในร่างกายของกันและกันในครั้งแรกมันช่างวูบวาบ พุ่งพล่าน เต็มไปด้วยความดุเดือดอย่างแผ่นหนังโป๊ฝรั่งที่ชอบไปรวมตัวดูกันหลังเลิกเรียน แต่ก็ต้องระวังพ่อแม่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ทำกับข้าว ดูมวยอยู่ชั้นล่างด้วย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้หัวใจยิ่งตูมตามขึ้นเป็นเท่าตัว
วันเวลาเปลี่ยนผ่านมาจากวันนั้นมากแล้ว เราทั้งสองคนเติบโตมาได้อย่างสวยงามโดยเบื้องหลังก็ยังคง ‘ลักลอบ’ เป็นของกันและกันมาโดยตลอด จากแค่ความอยากรู้อยากลองว่าการเอากันมันรู้สึกอย่างไรโดยที่รู้จะหาผู้หญิงจากไหนมาลองด้วยเลยตัดสินใจลองกัน ก็พัฒนามาเป็นคำหยอดพลอดรัก เราแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่กันบ้าง หรือลองพูดคำทะลึ่งไปจนถึงคำหยาบคายในระหว่างร่วมรัก เราโตขึ้นมาก แต่สุดท้ายแล้วการร่วมกันของเราก็ยังคงเป็นการทดลองอยู่นั่นเอง
ไม่มีใครหยุดยั้งการเคลื่อนไปของเวลาได้ ในวันนี้ความตูมตามเหล่านั้นมันหายไป เราทั้งคู่เคยคุยกันอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าเราควรเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอะไรดี เรารักกันมากแค่ไหน มากพอที่จะเรียกอีกคนว่าที่รักอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่ใช่แค่ในขณะร่วมรักหรือเปล่า บทสรุปของการสนทนาไปจบตรงที่เขารักมินฮยอน และมินฮยอนก็รักเขา เรารักกัน
“อ่ะ อา ขยับก้นหน่อยสิ ไม่ถนัด”
“อื้ออ มันลึกกว่าเดิมนะมึง”
“แล้วไม่ชอบหรอไง”
“เกลียดคนรู้ทะ…ทัน”
เขาจำได้ว่าภายใต้ความกดดันนั้น มีน้ำตาของมินฮยอนที่เล็ดลอดออกมาอย่างสุดกลั้นอยู่สองสามหยด นั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนทีเดียวว่าฮยอนบินรู้สึกอย่างไรกับอีกคน เขาแทบจะเข้าไปกอดอีกคนทั้งร่างเปลือยเปล่าในทันที
‘ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้ว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร’
เขาบอกออกไปแบบนั้น แต่รู้ไหมว่ามินฮยอนตอบอะไรกลับมา
‘พูดสิ กูอยากบอกมึงว่ากูรักมึง แต่กูก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม’
วินาทีที่เขาได้ยินคำนั้น หัวใจมันพองโตจนแทบจะหลุดออกมา ในที่สุดมินฮยอนก็ยอมรับว่าภายใต้ก้อนน้ำแข็งนั้นยังมีของเหลวอุ่นที่เรียกว่าเลือดไหลเวียนอยู่บ้าง เราทั้งสองคนกอดกัน เราร้องไห้กันอย่างไม่มีใครห้ามใคร ในที่สุดเราสามารถนิยามกิจกรรมของเราว่าเป็นปฏิบัติการร่วมรักไม่ใช่การทดลองว่าเอาผู้ชายหรือผู้หญิงดีกว่ากันเสียที
‘ค่อยๆพูดก็ได้ ไม่เป็นไร กูไม่รีบ’
แต่ดูเหมือนมินฮยอนจะใจเย็นเสียเหลือเกิน เพราะนับแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้ยินคำว่ารักจากมินฮยอนนอกเหนือจากยามสอดใส่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ความย้อนแย้งมันอยู่ตรงที่ว่า เขาคิดถึงความรู้สึกหลบซ่อนนั้น ความตื่นตูมในวัยเด็ก มันหอมหวานทีเดียวเท่าที่จำได้ ราวกุหลาบวัยแรกแย้มสีหวาน แต่เมื่อมันเติบโตขึ้น สิ่งที่งอกเงยมาด้วยกลับเป็นหนามคมตำมือคนที่กำมันไว้ ครั้นดอกกุหลาบนั้นก็ไม่เยาว์วัยเหมือนก่อนแล้ว
ผมไม่อยากหลบซ่อนความสัมพันธ์นี้อีกต่อไปแล้ว
RRRRRRRRR…
เสียงครืดคราดจากหัวเตียงพร้อมกับเสียงเพลงที่ดับไป มีสายเรียกเข้ามา มินฮยอนเองที่กำลังคร่อมใส่จังหวะเขาอยู่ก็คงเห็นแล้วว่าเป็นซึลกี ส่วนฮยอนบินเองก็จำได้จากริงโทนที่ตั้งไว้เฉพาะสำหรับผู้หญิงที่เขาเรียกว่าคนรักได้อย่างเต็มปาก
ซึลกี หรือ คังซึลกี คือรุ่นพี่ปีสองที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เราพบกันในงาน open house ของคณะที่ซึลกีเรียนอยู่ เรานัดเจอกันหลังงานจบที่ห้องพักของเธอ ไม่ต้องบอกต่อใช่มั้ยครับว่าทั้งซึลกีและฮยอนบินลึกซึ้งกันแค่ไหน
และความสัมพันธ์ของเราก็ยืนยาวมาจนถึงตอนนี้
แม้ว่ามันจะดูเริ่มต้นด้วยวิธีการที่ไม่โรแมนซ์อย่างนิยายประโลมโลกเท่าใดนัก แต่เราก็คบกันมาได้เข้าปีที่สองเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึลกีเป็นคนน่ารักที่นอกเหนือจากความสวยของเธอ เอาใจใส่ และรู้ดีว่าควรจะจัดการความสัมพันธ์อย่างไรให้ทั้งเธอและเขาสบายใจ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาคบซึลกีทั้งที่ยังมีมินฮยอนอยู่ร่วมพื้นที่ในใจมาโดยตลอด
ซึลกียังไม่รู้ว่าผมกับมินฮยอนมีความสัมพันธ์กันมาก่อนที่จะมาเจอกับเธอ มินฮยอนเคยเจอกับซึลกีอยู่บ้าง เขาไม่รู้ว่าถ้าซึลกีรู้ความจริงข้อนี้แล้วเธอจะจากเขาไปไหม แต่ที่แน่ๆคือเขาก็มีชีวิตโดยปราศจากมินฮยอนไม่ได้
“ไม่รับโทร…ศัพท์หรอ”
“รอ อ๊ะ สะเสร็จก่อนก็…ได้”
“อื้มมมม”
มินฮยอนดูจะโอเคกับการที่เขาคบกับซึลกิ ถึงขั้นเคยบอกว่ายินดีเป็นคนในความลับหรือในเงามืดอะไรสักอย่างที่วลีดูเชยๆหน่อย ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้มินฮยอนคิดแบบนี้ แต่มันทำให้เขารู้สึกแย่และไม่สบายใจ และมันกำลังจะทำให้เขาและมินฮยอนจบลงในไม่ช้า…
“ขอข้างในนะ”
“อื้อ…เอาสิ”
แต่ก็อาจจะไม่
เพราะผมแพ้ให้มินฮยอนเสมอนั่นแหละ
ฮยอนบินไม่ทำอะไรกับสายเข้านั้นจนมันตัดไปเอง แม้ว่าจะอยากฟังเพลงมากกว่าฟังเสียงสั่นโทรศัพท์ แต่ก็ไม่อยากให้ซึลกีไม่สบายใจหากเขาตัดสาย ปล่อยให้เธอคิดว่าเขาไปเข้าห้องน้ำ ไปเซเว่นแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ หรือหลับไปแล้วอาจจะดีกว่า หลังจากอีกฝ่ายวางสายไป เพลงก็กลับขึ้นมาเล่นอีกครั้ง ยังคงเป็นเสียงของแฟรงก์ นี่เขาตั้งเล่นซ้ำเพลงเดียวไว้หรือนี่
Then she sighed as she whispered, “manana”
Never dreaming that we were parting
And I lied as a whispered, “manana”
‘Cause our tomorrow never came
เพราะวันพรุ่งนี้ของเราไม่เคยมาถึง
เราคงต้องใช้ชีวิตอย่างวันนี้…ไปเรื่อยๆ
ราวกับวันพรุ่งนี้ไม่เคยมีอยู่จริง…จริงๆ
มินฮยอนถอดทอดร่างกายของตัวเองออกหลังจากหลั่งจนสุดทางแล้ว เขาแนบกายไว้กับคนข้างล่างไว้แน่นก่อนจะคลายออกอย่างช้าๆ ของเหลวมากมายหลั่งไหลออกมาตามช่องทางอ่อนนุ่ม คนที่คร่อมอยู่ลุกเดินออกไปคว้าผ้าเช็ดตัวหน้าห้องน้ำ ฮยอนบินพลิกตัวมาคว้าทิชชู่ที่หัวเตียงแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ก่อนที่มินฮยอนจะเดินเข้าห้องน้ำไป คนบนเตียงก็ถามขึ้น
“วันเสาร์ว่างมั้ย?”
“เช้าเรียนออนดีมานด์อ่ะ มีอะไรหรอ”
“เย็นๆ ไปตรวจเลือดกัน”
“เอาสิ น่าจะครบกำหนดพอดี”
มินฮยอนว่าเสร็จก็เข้าห้องน้ำไป ฮยอนบินจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เขากดเปลี่ยนเพลง ปกอัลบั้มกลายเป็นแนนซี สินาตรา
// TBC
ทูบีคอนไว้ก่อนแบบงงๆ ยังไม่รู้จะมีต่อมั้ย แต่ตอนนี้แต่งเพราะอยากมาก คันมาก ไม่มีอะไรเข้ากับเรื่องเลย อีสองคนนี้ดูเป็นใครก็ไม่รู้ คนละคาแรกเตอร์ คนละอารมณ์ คนละทุกอย่างเลยโว้ย ดูเป็นอีกจักรวาลกับมินฮยอน ฮยอนบินในตรวจตั๋วเลย5555 อันนี้ตั้งใจแต่งเป็น Another Stories ข้างเคียงของตรวจตั๋วเองนั่นแหละ เรื่องความรักที่เดอะแก้งไม่เคยรับรู้ เป็นคนเดียวกันกับในเรื่องนะแต่ไม่อยากให้วุ่นวายกับเรื่องหลักเลยแต่งแยกเป็นสเปจะได้จบๆ ถ้าชอบอาจจะมีต่อ หรือไม่มีก็ไม่รู้ ตามอารมณ์มากอันนี้
Comments